สิ่งที่ได้รับจากการมี “ความรักเพื่ออัลลอฮฺ”
ในชีวิตของมุสลิมีนและมุสลิมะฮฺ
“อิสลาม” ได้ถูกบังเกิดมาเพื่อสร้างสังคมในโลก
ด้วยพื้นฐานที่ตั้งอยู่บนความรักที่จริงใจและความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง
เช่นนั้นแล้วจึงต้องมีการเพาะเมล็ดพันธ์แห่งความรักในหัวใจของแต่ละคนในสังคม
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ “ความรักในหมู่ผู้ศรัทธาชายและผู้ศรัทธาหญิง” เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของ “ความศรัทธา” ที่จะนำเราเข้าสู่สวนสวรรค์
ซึ่งมีการกล่าวไว้ในฮะดีษรายงานโดยมุสลิม จากการเล่าของท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺว่า
ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะศัลลัม ได้กล่าวว่า “ขอสาบานกับผู้ที่ชีวิตฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า
พวกท่านจะไม่ได้เข้าสวรรค์จนกว่าพวกท่านจะศรัทธา
และพวกท่านจะไม่ศรัทธาจนกว่าท่านจะรักซึ่งกันและกัน ฉันควรจะบอกแก่พวกท่านหรือไม่
ถึงสิ่งที่หากพวกท่านกระทำแล้ว พวกท่านจะมีความรักซึ่งกันและกัน? จงกล่าว “สลาม” ในหมู่พวกท่านเถิด” (มุสลิม)
ด้วยความเฉลียวฉลาดและความเข้าใจในสิ่งต่างๆ
อย่างลึกซึ้งของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ทำให้ท่านเข้าใจดีว่าไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถขจัดความโกรธ
ความอิจฉาริษยาและความเป็นศัตรู ออกจากหัวใจของผู้คนได้ นอกจากความเป็นพี่น้องอันเกิดจากความรักที่จริงใจ
ความสัมพันธ์อันดี และคำแนะนำตักเตือนต่อกัน อันปราศจากซึ่งความอาฆาตบาดหมาง
ความเกลียดชัง ความไม่จริงใจ อีกทั้งความริษยา
และหนทางที่จะทำให้เราบรรลุถึงสิ่งนี้ได้คือการกล่าว “สลาม” ต่อกัน
เพื่อทำให้หัวใจเราถูกเปิดออกและนำเราไปสู่ความรักที่บริสุทธิ์และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
เพราะเหตุนี้ ท่านศาสนทูตจึงมักจะพร่ำสอนถึงสิ่งนี้ต่อบรรดาซอฮาบะฮฺของท่านอยู่เสมอ
โดยมีจุดประสงค์เพื่อหว่านเมล็ดพันธ์แห่งความรักในจิตใจของเขาและเอาใจใส่เลี้ยงดูพวกเขาอย่างดี
จนกว่าพวกเขาจะสามารถผลิตดอกผลแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ที่ “ศาสนาอิสลาม” ต้องการให้เกิดแก่เหล่าบรรดามุสลิมะฮฺ
และมุสลิมีน
เนื่องด้วยความรักอันบริสุทธิ์นี้
ท่านศาสนทูตได้สร้างประชาชาติมุสลิมในยุคแรก
ผู้เป็นดั่งรากฐานอันมั่นคงบนโครงสร้างที่แข็งแกร่งแห่งอิสลาม
อีกทั้งจุดแสงสว่างเพื่อนำทางแก่ประชาชาติรุ่นต่อไปให้ดำเนินรอยตาม
ความรักอันบริสุทธิ์นี้
ท่านศาสนทูตสามารถสร้างสังคมมนุษย์อันเป็นแบบอย่าง
ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นพี่น้องร่วมศรัทธา
สังคมที่เคยมีความโดดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่งมั่นคง
และศักยภาพในการพลีชีพในการทำญิฮาดเพื่อเผยแพร่อิสลามไปทั่วโลก
และความสามัคคีในหมู่สมาชิก ที่ซึ่งท่านได้บรรยายไว้อย่างน่ามหัศจรรย์ว่า
“ผู้ศรัทธาต่างเปรียบดัง
“อิฐ” ซึ่งอิฐก้อนหนึ่งจะช่วยค้ำจุนอิฐอีกก้อนหนึ่ง” (บุคอรียฺและมุสลิม)
(เปรียบเสมือนผู้ศรัทธาที่คอยให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน)
“ผู้ศรัทธา
ความสัมพันธ์ฉันท์มิตร ความเมตตา ความรักใคร่
สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนอวัยวะอันเป็นส่วนประกอบของ “ร่างกาย” หากส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่อง
อวัยวะส่วนอื่นๆ ย่อมได้รับความเจ็บปวด” (บุคอรียฺ มุสลิม อะหมัด และอิบนุ ฮิบบาน)
จากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้ายของประวัติศาสตร์
มุสลิมะฮฺมักจะมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมของอิสลามอันอยู่บนพื้นฐานของการเป็นพี่น้องร่วมศรัทธา
และถึงวันนี้พวกเธอก็ยังคงคอยให้ความช่วยเหลือในการมอบความรักที่มีค่าในสังคมมุสลิมเพื่ออัลลอฮฺ และพวกเธอก็กลับไปสู่พี่น้อง
เพื่อนฝูงด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นเพื่อสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งต่อความรักพร้อมทั้งสานความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมุสลิมด้วยกันเพื่ออัลลอฮฺ