Feeds:
Posts
Comments

Archive for the ‘บทบาทสตรีมุสลิมะฮฺที่ควรมีต่อเพื่อนและพี่น้องมุสลิมะฮฺในอิสลาม’ Category

เธอจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องของเธอ

มุสลิมะฮฺที่มีความเข้าใจถึงคำสอนของอิสลามอย่างแท้จริง
เธอจะไม่เพิกเฉยในความจริงที่ว่า ศาสนาอิสลามนั้นสนับสนุนการสร้างความรัก ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่างกัน
 อีกทั้งยังห้ามพี่น้องร่วมศรัทธาไม่ให้เกลียดหรือทอดทิ้งกัน
อิสลามได้ให้คำอธิบายว่า บุคคลสองคนที่มีความรักต่อกันเพื่ออัลลอฮฺอย่างแท้จริงนั้น
จะไม่แยกกัน แม้ว่าหนึ่งในพวกเขาจะกระทำความผิดร้ายแรง
หรือเกิดความขุ่นเคืองเพียงใดก็ตาม
เนื่องจากความผูกพันที่เกิดจากความรักเพื่ออัลลอฮฺนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่สิ่งอื่นใดจะทำลาย
ความรักอันบริสุทธิ์ นี้ลงได้ ท่านศาสนทูต
มูฮัมมัด กล่าวว่า 

คนสองคนที่มีความรักต่อกันเพื่ออัลลอฮฺ
หรือเพื่อศาสนาอิสลาม จะไม่มีทางปล่อยให้ความบาดหมางใจ หรือเรื่องร้ายใดๆ
มาขัดขวางความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองได้
 (บุคอรียฺ)

อารมณ์โกรธ หงุดหงิด ฉุนเฉียวอาจเกิดขึ้นง่ายกับสตรี
ในช่วงเวลาของความอ่อนแอทั้งโดยธรรมชาติของร่างกาย เช่น  ช่วงมีประจำเดือน วัยทอง หรืออื่นๆ อันเป็นเหตุที่ทำให้เธอนั้นทำร้ายความรู้สึกพี่น้องของเธอ
ไม่ว่าด้วยการกระตุ้น ยั่วยุให้อีกฝ่ายเกิดความโมโหอย่างรุนแรง
และทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน ในกรณีเช่นนี้มุสลิมะฮฺไม่ควรลืมว่าอิสลามมิได้เพิกเฉยต่อธรรมชาติและความไม่มั่นคงทางอารมณ์ของมนุษย์
ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงมีการกำหนดช่วงระยะเวลาเพื่อรอให้ความโกรธนั้นบรรเทาเบาบางลง ซึ่งเป็นระยะเวลา
3 วัน และหลังจากระยะเวลาที่กำหนดนี้ได้ผ่านพ้นไป
ก็ถือว่าเป็นข้อห้ามสำหรับบุคคลสองคนที่มีความบาดหมางใจกันที่จะปฏิเสธการไกล่เกลี่ย
คืนดีกัน 

ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด กล่าวว่า ไม่เป็นที่อนุญาตแก่มุสลิมที่จะโกรธและตัดความสัมพันธ์จากพี่น้องของเขามากกว่า
3 วัน หรือหันห่างออกจากกันเมื่อพบกัน และผู้ที่ดีที่สุดในพวกเขาคือผู้ที่กล่าวทักทาย
ด้วย
สลาม ก่อน (บุคอรียฺ
มุสลิม)

คำว่า มุสลิมนั้นเป็นที่ประจักษ์แจ้งอย่างแล้วว่าหมายถึง
ทั้งสตรีและบุรุษ เมื่อมีคำนี้ปรากฏในหะดีษเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นกฎบังคับทั่วไปสำหรับการดำเนินชีวิตของคนแต่ละคน
ทั้งในครอบครัวและสังคมในโลกอิสลาม ดังนั้นเราสามารถเห็นได้ว่า สตรีที่จิตวิญญาณได้ถูกหล่อหลอมด้วยอิสลาม
จะไม่ดื้อดึงขัดขืนในการเพิกเฉยต่อพี่น้องของเธอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
มากไปกว่านั้นเธอจำเป็นต้องเร่งรีบในการสานความสัมพันธ์และทักทายพี่น้องของเธอด้วย
สลาม เพราะเธอทราบดีว่า ผู้ที่ดีที่สุดในพวกเธอคือผู้ที่กล่าวทักทายก่อนเป็นคนแรก หากว่า
พี่น้องของเธอรับ
สลาม
ทั้งสองจะแบ่งปันรางวัลการตอบแทนแห่งการสานความสัมพันธ์กันครั้งนี้
และหากว่าพี่น้องของเธอไม่รับ
สลาม เช่นนั้นแล้ว
ผู้ที่ทักทายก่อนจะได้รับการชำระความผิดจากการทอดทิ้งพี่น้องของเธอ
ส่วนผู้ที่ปฏิเสธการตอบรับการทักทายจะต้องรับผิดชอบกับความผิดบาปเพียงผู้เดียว
ซึ่งมีการกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ชัดแจ้งจากหะดีษที่รายงานโดยท่าน อบู
ฮูร็อยเราะฮฺ ว่า

ฉันได้ยินท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ  กล่าวว่า ไม่เป็นการอนุมัติสำหรับชายคนหนึ่งที่จะโกรธเคืองและตัดความสัมพันธ์จากผู้ศรัทธาเกินกว่า
3 วัน และหาก 3 วันนี้ผ่านไปแล้ว ชายคนนั้นจำเป็นต้องไปพบและทักทายเขาด้วย
สลาม
หากว่าเขาตอบรับ
สลาม
เช่นนั้นแล้ว เขาทั้งสองจะแบ่งปันกันซึ่งรางวัลการตอบแทน และหากว่าเขาไม่ตอบรับ
สลาม
เช่นนั้นแล้วบุคคลที่ให้สลามจะได้รับการชำระความผิดบาปจากการโกรธเคืองครั้งนี้
  (บุคอรียฺ)

เป็นที่ทราบกันดีว่าคำว่า ชายคนหนึ่ง ในหะดีษข้างต้นนี้
มีความหมายรวมถึงทั้งบุรุษและสตรี
พี่น้องมุสลิมทั้งหลาย
จงตระหนักเถิดว่า การปล่อยให้ระยะเวลาแห่งความโกรธเคืองนั้นยาวนานมากเท่าใด บาปของคนทั้งสองก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น

ดังที่ท่านศาสนทูต ได้กล่าวว่า ผู้ใดก็ตามที่ละทิ้งพี่น้องของเขาเป็นระยะเวลาหนึ่งปี
ก็เปรียบดั่งว่าเขาได้หลั่งเลือดของตัวเขาเอง
(บุคอรียฺ)

ดูสิว่ามันเป็นความชั่วร้ายเพียงใดกับการทอดทิ้งพี่น้องในอิสลาม
และดูสิว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เพียงใดสำหรับผู้มีความผิดในเรื่องนี้ เพราะเขาเปรียบได้กับผู้ที่หลั่งเลือดตัวเอง
!!!!

ระบบการศึกษาของอิสลามนั้นมีพื้นฐานอยู่บนการมีความรักต่อกัน รวมไปถึงการแสดงออกถึงความรัก
และการติดต่อสัมพันธ์ที่สม่ำเสมอยาวนาน เช่นนั้นแล้ว อิสลามจึงปรารถนาให้มุสลิมีนและมุสลิมะฮฺละทิ้ง
ความโกรธเกลียด และ ความอิจฉาริษยาออกจากชีวิตจิตใจของเขาและไม่ปล่อยให้เหลือช่องว่างให้ลักษณะนิสัยของปีศาจร้ายเข้ามาทำลายและสร้างความขัดแย้งระหว่างพี่น้องร่วมศรัทธา
ดังนั้นอิสลามจึงเต็มไปด้วยคำสอนที่บรรยายถึงจริยธรรมจรรยาที่ประเสริฐที่สุดสำหรับหมู่มนุษย์
เริ่มมาตั้งแต่มนุษย์คนแรกได้เหยียบบนพื้นโลก

จงอย่าตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างกัน
อย่าผินหลังให้กัน อย่าเกลียดชังกัน อย่าอิจฉาริษยากัน จงเป็นพี่น้องกัน
เพราะอัลลอฮฺได้สั่งพวกท่านเช่นนั้น  
(มุสลิม)

จงระวังซึ่ง ความระแวงสงสัย
เนื่องจากการพูดที่อยู่บนความระแวงสงสัยนั้นถือเป็นหนึ่งในประเภทของการโกหกที่ชั่วร้ายที่สุด
ดังนั้นจงอย่ามองหาความผิดระหว่างกัน จงอย่าสอดแนมกัน จงอย่าแข่งขันกัน
จงอย่าอิจฉากัน จงอย่าเกลียดกัน และจงอย่าผินหลังให้แก่กัน โอ้ บ่าวของอัลลอฮฺ
พวกท่านจงเป็นพี่น้องกัน  
(บุคอรียฺ
และ มุสลิม)

จงอย่าอิจฉาริษยากัน จงอย่าเสนอราคา (สิ่งใดสิ่งหนึ่ง)
ให้สูงกว่าในหมู่พวกท่าน
(เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า และให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น)
จงอย่าเกลียดชังกัน จงอย่าผินหลังให้แก่กัน จงอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องในการธุรกรรมที่พี่น้องของท่านนั้นมีส่วนในธุรกรรมนั้นอยู่แล้ว
โอ้….บ่าวของอัลลอฮฺ จงเป็นพี่น้องกัน
มุสลิมคนหนึ่งนั้นถือเป็นพี่น้องของมุสลิมอีกคนหนึ่ง เขาจะไม่กดขี่พี่น้องเขา เขาจะไม่หมิ่นประมาทหรือดูถูกพี่น้องของเขา
ตักวา(ความยำเกรง)
อยู่ที่นี่
ท่านพลางชี้ไปที่หน้าอก
(หัวใจ) ของท่านสามครั้ง มันเป็นความชั่วร้ายยิ่งนักในการที่บุคคลหนึ่งนั้นดูถูกพี่น้องมุสลิมของเขา
ด้วยเพราะว่าทุกๆ ส่วนที่เป็นของมุสลิมคนหนึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สำหรับพี่น้องของเขา ดังนั้นเลือดเนื้อของเขา ทรัพย์สินของเขา และเกียรติของเขานั้นไม่เป็นที่อนุญาตให้ล่วงละเมิดได้
 (มุสลิม)

มุสลิมะฮฺที่ได้ศึกษาศาสนาและพิจารณาใคร่ครวญเป็นอย่างดี ย่อมตระหนักอย่างลึกซึ้งในคำสอนของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด
 อันกล่าวถึงลักษณะบุคลิกภาพที่ประเสริฐที่สุดสำหรับมุสลิม
อาทิ การมีความรัก ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง ความจริงใจ
ความรู้สึกรักใคร่ชอบพอและความไม่เห็นแก่ตัว มุสลิมะฮฺนั้นจะไม่ยอมปล่อยให้
ความโกรธเกลียด คงอยู่ในตัวเธอ
และไม่มีใครสามารถยอมทนกับสิ่งนี้ได้ นอกจากผู้ที่มีจิตใจที่ชั่วร้าย จิตใจคับแคบ มีโรคร้ายในหัวใจหรืออารมณ์แปรปรวน
และแน่นอนว่า มุสลิมะฮฺผู้มีความสัตย์จริงนั้นย่อมห่างไกลจากลักษณะนิสัยที่ชั่วร้ายเช่นนี้

ดังนั้น อิสลามจึงได้กำชับผู้ที่มีจิตใจแข็งกระด้าง
ทั้งบุรุษและสตรี ซึ่งกำลังหลีกหนีจากความจริงที่ว่า
การให้อภัยมันคือหัวใจของความอดทน
พวกเขาบางคนดื้อดึงออกห่างจากหลักการดังกล่าว
ด้วยการเสี่ยงกับชะตากรรมในวันฟื้นคืนชีพ
พฤติกรรมของพวกเขามีส่วนในการขวางกั้นเขาจากความเมตตาและการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ ตลอดจนประตูแห่งสวนสวรรค์ก็อาจจะถูกปิดลงสำหรับพวกเขา
ท่านศาสนทูตได้กล่าวว่า
ประตูต่างๆ
แห่งสวนสวรรค์นั้นจะถูกเปิดในวันจันทร์และวันพฤหัสบดี
และบ่าวผู้ที่ไม่เทียบเคียงสิ่งใดต่ออัลลอฮฺ จะได้รับการอภัยโทษ
เว้นเสียแต่บรรดาผู้ที่มีความโกรธเกลียดต่อพี่น้องของเขา จะมีการกล่าวว่า
จงรอเขาทั้งสอง จนกว่าเขาจะปรองดองกัน จงรอเขาทั้งสอง จนกว่าเขาจะปรองดองกัน
จงรอเขาทั้งสอง จนกว่าเขาจะปรองดองกัน
  (มุสลิม)

ท่านซอฮาบะฮฺท่านหนึ่ง นามว่าอบูดัรดาอฺ  เคยกล่าวว่า ฉันไม่ควรบอกแก่ท่านเกี่ยวกับบางอย่างที่ดีต่อท่าน
ยิ่งกว่าการทำทานและการถือศีลอดหรอกหรือ
? จงปรองดองกันกับพี่น้องของท่านด้วยเพราะว่า
ความเกลียดชังเป็นตัวบั่นทอนในการได้มาซึ่ง
รางวัล ของท่าน(บุคอรียฺ)

ถือเป็นความสำคัญสำหรับสตรีที่ต้องทำความเข้าใจและใคร่ครวญว่า
จิตวิญญาณของอิสลาม ในสมัยของซอฮาบะฮฺ นั้นมีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องและความรักใคร่กัน
ยามที่พวกเขาทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีความขัดแย้งระหว่างกัน ท่านอบูดัรดาอฺ ผู้ซึ่งท่านศาสนทูต
 เคยให้ความเชื่อถือไว้ใจในความเฉลียวฉลาดและไหวพริบของเขา
ท่านอบูดัรดาอฺ ได้ยอมรับว่า
ความเกลียดชัง
นั้นเป็นตัวทำให้
ความดีทั้งหมด
นั้นเป็นโมฆะและเป็นตัวทำลาย
รางวัลตอบแทน
ดังนั้นการสานสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่บาดหมางใจกันนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีกว่าสำหรับเขา
และประเสริฐกว่าการบริจาคและการถือศีลอด
เพราะหากเขายังดื้อดึงที่จะปล่อยให้ความขัดแย้งระหว่างกันดำเนินต่อไป มันจะเป็นเหตุให้เขานั้นไม่ได้รับรางวัลตอบแทนอันใดที่เขาควรจะได้รับจากการทำอามั้ลอิบาดะฮฺต่อพระองค์

Read Full Post »

สิ่งที่ได้รับจากการมี ความรักเพื่ออัลลอฮฺ
ในชีวิตของมุสลิมีนและมุสลิมะฮฺ

อิสลาม ได้ถูกบังเกิดมาเพื่อสร้างสังคมในโลก
ด้วยพื้นฐานที่ตั้งอยู่บนความรักที่จริงใจและความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง
เช่นนั้นแล้วจึงต้องมีการเพาะเมล็ดพันธ์แห่งความรักในหัวใจของแต่ละคนในสังคม
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้
ความรักในหมู่ผู้ศรัทธาชายและผู้ศรัทธาหญิงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของ ความศรัทธาที่จะนำเราเข้าสู่สวนสวรรค์
ซึ่งมีการกล่าวไว้ในฮะดีษรายงานโดยมุสลิม จากการเล่าของท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺว่า 

ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะศัลลัม ได้กล่าวว่า
ขอสาบานกับผู้ที่ชีวิตฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า
พวกท่านจะไม่ได้เข้าสวรรค์จนกว่าพวกท่านจะศรัทธา
และพวกท่านจะไม่ศรัทธาจนกว่าท่านจะรักซึ่งกันและกัน ฉันควรจะบอกแก่พวกท่านหรือไม่
ถึงสิ่งที่หากพวกท่านกระทำแล้ว พวกท่านจะมีความรักซึ่งกันและกัน
? จงกล่าว สลามในหมู่พวกท่านเถิด   (มุสลิม)

ด้วยความเฉลียวฉลาดและความเข้าใจในสิ่งต่างๆ
อย่างลึกซึ้งของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด  ทำให้ท่านเข้าใจดีว่าไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถขจัดความโกรธ
ความอิจฉาริษยาและความเป็นศัตรู ออกจากหัวใจของผู้คนได้ นอกจากความเป็นพี่น้องอันเกิดจากความรักที่จริงใจ
ความสัมพันธ์อันดี และคำแนะนำตักเตือนต่อกัน อันปราศจากซึ่งความอาฆาตบาดหมาง
ความเกลียดชัง ความไม่จริงใจ อีกทั้งความริษยา
และหนทางที่จะทำให้เราบรรลุถึงสิ่งนี้ได้คือการกล่าว
สลามต่อกัน
เพื่อทำให้หัวใจเราถูกเปิดออกและนำเราไปสู่ความรักที่บริสุทธิ์และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
เพราะเหตุนี้ ท่านศาสนทูตจึงมักจะพร่ำสอนถึงสิ่งนี้ต่อบรรดาซอฮาบะฮฺของท่านอยู่เสมอ
โดยมีจุดประสงค์เพื่อหว่านเมล็ดพันธ์แห่งความรักในจิตใจของเขาและเอาใจใส่เลี้ยงดูพวกเขาอย่างดี
จนกว่าพวกเขาจะสามารถผลิตดอกผลแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ที่
ศาสนาอิสลามต้องการให้เกิดแก่เหล่าบรรดามุสลิมะฮฺ
และมุสลิมีน

เนื่องด้วยความรักอันบริสุทธิ์นี้
ท่านศาสนทูตได้สร้างประชาชาติมุสลิมในยุคแรก
ผู้เป็นดั่งรากฐานอันมั่นคงบนโครงสร้างที่แข็งแกร่งแห่งอิสลาม
อีกทั้งจุดแสงสว่างเพื่อนำทางแก่ประชาชาติรุ่นต่อไปให้ดำเนินรอยตาม

ความรักอันบริสุทธิ์นี้
ท่านศาสนทูตสามารถสร้างสังคมมนุษย์อันเป็นแบบอย่าง
ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นพี่น้องร่วมศรัทธา
สังคมที่เคยมีความโดดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่งมั่นคง
และศักยภาพในการพลีชีพในการทำญิฮาดเพื่อเผยแพร่อิสลามไปทั่วโลก
และความสามัคคีในหมู่สมาชิก ที่ซึ่งท่านได้บรรยายไว้อย่างน่ามหัศจรรย์ว่า

ผู้ศรัทธาต่างเปรียบดัง
อิฐซึ่งอิฐก้อนหนึ่งจะช่วยค้ำจุนอิฐอีกก้อนหนึ่ง (บุคอรียฺและมุสลิม)
(เปรียบเสมือนผู้ศรัทธาที่คอยให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน)  

ผู้ศรัทธา
ความสัมพันธ์ฉันท์มิตร ความเมตตา ความรักใคร่
สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนอวัยวะอันเป็นส่วนประกอบของ
ร่างกายหากส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่อง
อวัยวะส่วนอื่นๆ ย่อมได้รับความเจ็บปวด
 (บุคอรียฺ มุสลิม อะหมัด และอิบนุ ฮิบบาน)

จากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้ายของประวัติศาสตร์
มุสลิมะฮฺมักจะมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมของอิสลามอันอยู่บนพื้นฐานของการเป็นพี่น้องร่วมศรัทธา
และถึงวันนี้พวกเธอก็ยังคงคอยให้ความช่วยเหลือในการมอบความรักที่มีค่าในสังคมมุสลิมเพื่ออัลลอฮฺ   และพวกเธอก็กลับไปสู่พี่น้อง
เพื่อนฝูงด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นเพื่อสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งต่อความรักพร้อมทั้งสานความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมุสลิมด้วยกันเพื่ออัลลอฮฺ 

Read Full Post »

สถานะของคนสองคนที่มีความรักต่อกันเพื่ออัลลอฮฺ

มีหลายฮะดีษที่บรรยายเกี่ยวกับสถานะของคนสองคนที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺ  ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็น บุรุษหรือ สตรีก็ตาม และในฮะดีษเหล่านั้น
ได้บรรยายถึงตำแหน่งสูงสุดในสวนสวรรค์ที่อัลลอฮฺทรงเตรียมไว้ให้แก่พวกเขา และเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์จะทรงประทานแก่เขาในวันที่มวลมนุษย์ถูกทำให้ฟื้นขึ้นต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าแห่งสากลโลก 

ถือเป็นเกียรติยิ่งสำหรับบรรดาผู้มีความรักต่อมนุษย์ด้วยกันเพื่ออัลลอฮฺ
ซึ่งทั้ง
บรรดาบุรุษและ บรรดาสตรีต่างทราบดีว่า พระเจ้าของเขาจะดูแลเขาในวันแห่งการตัดสินและพระองค์จะทรงตรัสว่า

ผู้ที่มีความรักซึ่งกันและกันเพื่อความพึงพอใจของข้าอยู่
ณ ที่ใด
?
วันนี้ข้าจะให้การปกป้องพวกเขาด้วยร่มเงาของข้า ในวันที่ไม่มีซึ่งร่มเงาใด
นอกจากร่มเงาของข้า
   (มุสลิม)

เกียรติอันสูงส่งและรางวัลอันยิ่งใหญ่ จะถูกประทานแก่ผู้ที่มีความรักต่อกันด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ   ในวันแห่งความน่าสะพรึงกลัว (วันกิยามะฮฺ)

การมี ความรักเพื่ออัลลอฮฺ   โดยมิได้ รักเพื่อสิ่งอื่นใดเลยในชีวิตบนโลกดุนยานี้
ถือเป็นเรื่องที่กระทำได้ยากนัก และไม่มีผู้ใดสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ นอกจากผู้ที่มีหัวใจอันบริสุทธิ์หรือผู้ที่เชื่อว่า
แท้จริงแล้ว
โลกนี้ ความเพลิดเพลิน ความน่าพอใจทั้งหลาย ณ ดินแดนแห่งนี้นั้น เป็นความว่างเปล่าและไม่มีค่าใดๆ
เลย เมื่อเปรียบกับ ความพอใจของอัลลอฮฺ
  ไม่ใช่เรื่องแปลก
หากอัลลอฮฺ   จะทรงประทานแก่ผู้คนเหล่านี้ซึ่งสถานะและการอำนวยพรอันประเสริฐ
ที่พวกเขาควรได้รับเมื่อเปรียบกับการใช้ชีวิตของเขาบนโลกดุนยานี้ (เพื่อพระองค์) จากหลักฐานในฮะดีษของท่านมูอ๊าซ 

ท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
บรรดาผู้ที่ให้ความรักต่อกันเพื่อความพอใจของข้า
จะมี
มิมบัรฺ” (แท่นสำหรับการกล่าวบรรยายธรรม)
แห่งแสงสว่าง และบรรดานบีและชะฮีด (ผู้เสียสละชีวิตในหนทางของอัลลอฮฺ) จะอวยพรแก่พวกเขาให้ได้รับเช่นเดียวกัน
(กับที่บรรดานบีและชะฮีดได้รับ)
(ติรมิซียฺ)

อัลลอฮฺจะทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่กว่าสถานะและคำอำนวยพรต่างๆ
แก่บรรดาผู้ที่ให้ความรักซึ่งกันและกันเพื่อความพอใจของพระองค์ ด้วย
ความรักอันล้ำค่าของพระองค์ซึ่งยากแก่การได้มา”  โดยมีหลักฐานจากฮะดีษของท่านอบู
ฮูร็อยเราะฮฺ   ท่านศาสนทูต  กล่าวว่า
มีชายคนหนึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมพี่น้องของเขา
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง อัลลอฮฺ ได้ส่งมลาอิกะฮฺให้ไปรอชายผู้นั้นตรงข้างทาง เมื่อชายผู้นั้นเดินผ่านมา
มลาอิกะฮฺได้ถามเขาว่า
ท่านกำลังจะเดินทางไปไหนหรือเขาตอบว่า
ฉันกำลังจะไปเยี่ยมพี่ชายของฉัน
เขาอาศัยในหมู่บ้านนี้
มลาอิกะฮฺถามต่อว่า ท่านได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ
แก่เขา (เพื่อให้ได้มาซึ่งการตอบแทนจากเขา) หรือไม่
?” เขาตอบว่า
ไม่ ฉันเพียงแค่รักเขาเพื่ออัลลอฮฺมลาอิกะฮฺจึงกล่าวว่า
ฉันเป็นผู้นำสาสน์จากอัลลอฮฺมายังท่าน
พระองค์ได้ให้ฉันมาบอกแก่ท่านว่า พระองค์ทรงรักท่านดั่งที่ท่านรักพี่น้องของท่านเพื่อพระองค์
(มุสลิม)

ช่างเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้
ความรักที่ทำให้บุคคลหนึ่งนั้นอยู่ในสถานะ
ที่อัลลอฮฺ   ทรงรักและพอใจในตัวเขา

ท่านนบีมูฮัมมัดนั้นมีความเข้าใจถึง ความมั่นคงและอิทธิพลของความรักนี้เป็นอย่างดี ความรักอันบริสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการสร้างสังคมและชนชาติต่างๆดังนั้นท่านจึงไม่เคยปล่อยให้โอกาสต่างๆ
ผ่านพ้นไปโดยไม่ได้สนับสนุนให้เกิด
ความรักต่อกัน รวมไปถึงการสั่งให้บรรดามุสลิมแสดงความรักต่อกัน
(ด้วยวาจา) เพื่อเป็นการเปิดใจและมอบความรักและความบริสุทธิ์ในหมู่ประชาชาติมุสลิม
(อุมมะฮฺ)

ท่านอนัส
กล่าวว่า
ได้มีชายคนหนึ่งอยู่กับท่านนบีมูฮัมมัด และเมื่อชายอีกคนหนึ่งได้เดินผ่านมา
ชายคนแรกได้กล่าวว่า
โอ้ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ แท้จริงแล้ว ฉันรักชายผู้นี้ท่านนบีจึงถามเขาว่า
แล้วท่านเคยบอกให้เขาทราบหรือไม่?” เขาตอบว่า
ไม่เคยท่านนบี
จึงกล่าวว่า
จงบอกแก่เขาดังนั้นชายผู้นั้นจึงตามชายอีกคนไปและบอกแก่เขาว่า
แท้จริงแล้วฉันรักท่านเพื่ออัลลอฮฺชายอีกคนจึงกล่าวว่า
ขออัลลอฮฺ
ทรงรักท่าน ผู้ซึ่งรักฉันเพื่อความพอใจของพระองค์
 (อบู ดาวูด)

ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด
ก็เคยกระทำสิ่งเดียวกันนี้ ท่านได้สอนบรรดามุสลิมถึงวิธีการสร้างความสัมพันธ์อันมีพื้นฐานอยู่บน
ความรักอันบริสุทธิ์และ ความเป็นพี่น้องกัน

วันหนึ่งท่านได้จูงมือมูอ๊าซไปและกล่าวว่า
โอ้ มูอ๊าซ
ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ฉันนั้นรักท่าน เพราะเหตุนี้ ฉันจึงตักเตือนท่าน โอ้..มูอ๊าซ จงอย่าลืมที่จะกล่าวหลังการละหมาดทุกๆ
ครั้ง ของท่านว่า
โอ้อัลลอฮฺ โปรดทรงช่วยทำให้ฉันนั้นระลึกถึงพระองค์และขอบคุณพระองค์และทำการสักการะต่อพระองค์อย่างสมบูรณ์ด้วยเถิด” (อ่านว่า  อัลลอฮุมมะ อะอินนียฺ อะลาซิกริกะ วะชุกริกะ วะหุสนิอิบาดะติกะ)
(ศอเฮี้ยะฮฺ อิสนาด : อะหฺมัด)

ท่านมูอ๊าซได้เริ่มทำการเผยแพร่ความรักอันบริสุทธิ์นี้ในหมู่มุสลิมในดินแดนของมุสลิม
โดยการบอกกล่าวแก่พวกเขาถึงสิ่งที่ท่านได้รับการถ่ายทอดจากท่านศาสนทูตมูฮัมมัด   เกี่ยวกับรางวัลอันยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮฺได้ทรงเตรียมไว้แก่บรรดาผู้ที่มีความรักต่อกันเพื่อพระองค์
รวมไปถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อพวกเขา

ในอัลมุวัฏฏออฺ, อิมาม มาลิกได้รายงานในศอเฮี้ยะฮฺ
อิสนาด จากอบู อิดริส อัล-กอลานียฺ ผู้กล่าวว่า :
ฉันเข้าไปในมัสยิดแห่งดามัสกัส
ฉันได้พบกับชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มสว่างสดใส และได้พบว่ามีผู้คนรายล้อมเขาที่นั่น เมื่อพวกเขามีความเห็นไม่พ้องกันในเรื่องหนึ่ง
พวกเขาก็จะนำเรื่องดังกล่าวไปยังชายหนุ่มผู้นั้น และยอมรับความคิดเห็นของเขา ฉันจึงถามพวกเขาว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร
และพวกเขากล่าวแก่ฉันว่า
นี่คือ มูอ๊าซ อิบนุ ญะบัล   ในตอนรุ่งเช้าของวันต่อมา ฉันก็ไปยังมัสยิดแห่งเดิมอีกและพบว่าชายหนุ่มผู้นั้นไปถึงก่อนฉัน
ขณะนั้นเขากำลังละหมาด ฉันจึงรอจนกระทั่งเขาละหมาดเสร็จ และเข้าไปหาเขาข้างหน้า พร้อมทักทายโดยกล่าวว่า
ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ
ฉันนั้นรักท่าน
เขาถามว่า เพื่ออัลลอฮฺกระนั้นหรือ?” ฉันตอบเขาว่า
เพื่ออัลลอฮฺเขาย้ำคำถามเดิม
เพื่ออัลลอฮฺกระนั้นหรือ?” และฉันก็กล่าวว่า
เพื่ออัลลอฮฺดังนั้นเขาจึงดึงคอเสื้อฉันและดึงตัวฉันให้ชิดเขาและกล่าวว่า
ฉันมีข่าวดีแก่ท่าน
ฉันได้ยินท่านศาสนทูตมูฮัมมัด   กล่าวว่า
อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
ความรักของข้าจะถูกมอบให้แก่บรรดาผู้ที่มีความรักต่อกันเพื่อข้า
ผู้ที่เยี่ยมเยียนกันเพื่อข้า ผู้ที่ใช้จ่ายแก่กันเพื่อข้า
(มาลิก
: อัลมุวัฏฏออฺ
, 2/953, กิตาบ อัช-ชิรฺ, บาบ มา
ญา  ฟีล-มุฏ็อบบะยัน ฟิ-อัลลอฮฺ)

Read Full Post »

การมีความรักต่อพี่น้องเพื่ออัลลอฮฺ

ความสัมพันธ์ของสตรีมุสลิมะฮฺผู้ศรัทธาที่มีต่อเพื่อนและพี่น้องมุสลิมะฮฺของเธอนั้นแตกต่างจาก
ความสัมพันธ์ที่สตรีทั่วไปมีต่อผู้คนในสังคม เนื่องจากความสัมพันธ์ของมุสลิมะฮฺนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นพี่น้องที่เป็นไปเพื่ออัลลอฮฺ   การรักกันเพื่ออัลลอฮฺ   นั้นเป็น
พันธะสัมพันธ์ขั้นสูงสุดหรือ ความผูกพันขั้นสูงสุดระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็น
บุรุษหรือ สตรีก็ตาม นั่นคือ พันธะสัมพันธ์แห่งความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ   ซึ่งพระองค์ทรงทำให้เกิดขึ้นระหว่างผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า

แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน” (อัลหุญร๊อต
49.10)

ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องที่เกิดจากความศรัทธานั้น เป็น ความสัมพันธ์ที่มั่นคงที่สุดอันเกิดจาก หัวใจและ สติปัญญาจึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบว่า
เหล่าสตรีมุสลิมะฮฺต่างมีความสุข และความพึงพอใจต่อความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องอันมั่นคงและยั่งยืน
ซึ่งตั้งอยู่บนรากฐานของ
ความรักเพื่ออัลลอฮฺอันเป็นรูปแบบของความรักที่ประเสริฐและบริสุทธิ์ที่สุดระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
เป็นความรักที่ปราศจากมลทิน ไร้ซึ่งผลประโยชน์ทางโลก หรือจุดประสงค์ซ่อนเร้นใด ๆ อีกทั้งยังเป็น
ความรักที่ทำให้บรรดามุสลิมะฮฺและมุสลิมีนต่างได้รับรสชาติความหอมหวานแห่งความศรัทธา
 

บุคคลใดก็ตามที่บรรลุผลสำเร็จจาก 3 สิ่งเหล่านี้ได้
เขาจะได้พบกับความหอมหวานแห่งความศรัทธา :

1)
หากอัลลอฮฺ  
และศาสนทูตของพระองค์เป็นที่รักของเขามากกว่าผู้อื่นหรือสิ่งอื่น

2)
หากเขารักบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่ออัลลอฮฺ ตะอาลา


3)
และเมื่อเขามีความเกลียดต่อการกลับไปสู่การเป็น
กาเฟรฺ” (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) หลังจากที่อัลลอฮฺได้ทรงช่วยเหลือเขาจากมัน
เท่ากับการที่เขาเกลียดการถูกโยนลงไปในไฟนรก" (บุคอรีย์ และมุสลิม) 

Read Full Post »

บทความที่จะนำมาลงนี้ชื่อว่า "บทบาทสตรีมุสลิมะฮฺที่ควรมีต่อเพื่อนและพี่น้องในอิสลาม"

จากหนังสือ Ideal Muslimah” ของ Muhammad Ali Al-Hashimi

Chapter Nine: The Muslim Woman
and her friends and sisters in Islam

บทความนี้ได้รับการแปลเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว
แต่ยังไม่ได้มีการนำมาเผยแพร่ เนื่องจากต้องรอการตรวจสอบ แก้ไข และเรียบเรียง
อัลฮัมดุลิลลา ท้ายที่สุด ก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องมุสลิมะฮฺในการช่วยเหลือ
จนทำให้
บทความ นี้ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

ระหว่างนี้ จึงนำ ส่วนหนึ่ง ของ บทความดังกล่าว
มาลงในสเปซเหงาๆ นี้ และจะทยอยนำมาลงเรื่อยๆ จนสมบูรณ์

บทความนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทความที่น่าจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมุสลิมให้มีความมั่นคง
และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เชื่อว่า เมื่อได้อ่านแล้วจะทำให้
เรา มีความรัก มีความใส่ใจ ต่อกันและกันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อสร้างความพอพระทัยต่ออัลลอฮฺ
ซุบฮานะฮู วะตะอาลา


สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนความดีงามต่อพี่นาฟิซะฮฺ
บ้านมุสลิมะฮฺ และพี่น้องมุสลิมท่านอื่นๆ ที่ช่วยในการเรียบเรียง แก้ไข เพิ่มเติมบทความ
"บทบาทสตรีมุสลิมะฮฺที่ควรมีต่อเพื่อนและพี่น้องในอิสลา
อัลฮัมดุลิลลา ที่อัลลอฮฺทรงทำให้เรียนรู้ว่า
การงานใดๆ ก็ตามจะไม่สามารถสำเร็จได้ หากปราศจากความช่วยเหลือจากพี่น้อง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า "บทความ" นี้จะช่วยทำให้พี่น้องแห่งอิสลาม รักกันมากยิ่งขี้น อินชาอัลลอฮฺ

Read Full Post »